วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

กาแฟเพื่อสุขภาพ


กาแฟเป็นครื่องดื่มที่มีกลิ่นหอมและรสชาตินุ่มกลมกล่อม จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายต่อหลายคนติดใจในเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ กาแฟประเทศไทยของเราสามารถปลูกกาแฟได้มากทีเดียว แต่ก็ยังเป็นรองเวียดนามและอินโดนีเซียอยู่ หากเทียบกับกับผลผลิตทั้งโลก เราผลิตได้ประมาณ 80,000 ตัน/ปี คิดเป็น 1.2-1.3%ต่อปีเท่านั้น สายพันธุ์ที่ปลูก เป็นสายพันธุ์ โรบัสตา ประมาณ 90-95% ส่วนอีก 5-10% จะเป็นสายพันธุ์ อราบิก้า



กาแฟสายพันธุ์ อราบิก้า ชอบอากาศเย็น ปลูกมากทางภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก เชียงราย จะให้กาแฟที่มีกลิ่นหอม และมี Acidity สูง เวลาดื่มแล้วจะรู้สึกได้ถึงความกระปรี้กระเปร่า มีชีวิตชีวา มีปริมาณคาเฟอีนต่ำ
ส่วน สายพันธุ์โรบัสตา จะปลูกกันมากทางภาคใต้ เช่น ระนอง ชุมพร กระบี่ นครศรีธรรมราช กาแฟพันธุ์นี้มีคุณสมบัติโดดเด่นด้าน Body เวลาดื่มแล้วให้ความรู้สึกนุ่ม ชุ่มคอ

ตลาดกาแฟในประเทศเรา อาจแบ่งได้เป็น 3กลุ่มคือ
1.กาแฟสำเร็จรูป นิยมบริโภคกันค่อนข้างมาก
2.กาแฟพร้อมดื่ม มักมาในรูปของกาแฟกระป๋อง
3.กาแฟคั่วบด เป็นเมล็ดกาแฟสดที่ผ่านการคั่ว แล้วนำมาบด ชงในขั้นตอนต่อไป มีกลื่นหอมกรุ่นและได้รสชาดแท้ๆของกาแฟ
การแปรรูปเมล็ดกาแฟหรือเมล็ดเชอร์รี่ มีอยู่ 2วิธีด้วยกัน คือ wet method และ dry method
Wet methad เป็นการนำเมล็ดเชอร์รี่หมักแช่น้ำ แล้วนำไปตากแห้ง สีเอา parchment เปลือกแข็งออกมา วิธีนี้จะให้ผลผลิตที่มีคุณภาพดี ให้กลิ่นของรสกาแฟได้ดีกว่า แต่ก็ใช้เวลาและต้นทุนสูง จึงเหมาะกับกาแฟพันธุ์อราบิก้าซึ่งมีราคาสูงอยู่แล้ว แต่พันธุ์โรบัสตามีราคาถูกกว่า มักจะไม่ค่อยใช้วิธีนี้ เพราะจะทำให้ต้นทุนสูงเกินไป
Dry method จะนำเมล็ดเชอร์รี่มาตากแห้ง สีเอาทั้งเปลือกแห้งและเปลือกแข็งข้างในออก กาแฟที่กะเทาะเปลือกแล้วนี้เรียกว่าเมล็ดกาแฟดิบหรือสารกาแฟ




จากสารกาแฟเราจะเอาไปคั่วต่อ กาแฟที่คั่วแล้วนำมาบดจะให้รสชาติที่ดีที่สุด ส่วนการเก็บรักษากาแฟนั้น กาแฟที่คั่วแล้วเก็บเป็นเมล็ดโจะเก็บไว้ได้นานกว่าการเก็บในรูปของผง และเนื่องจากเวลาที่คั่วกาแฟ จะมีน้ำมันออกมาซึ่งสามารถจะเกิดปฎิกิริยา oxidation กับอากาศ ทำให้กลิ่นรสและคุณภาพของกาแฟลดลง ดังนั้นจึงควรเก็บกาแฟไว้ในที่แห้งไม่ชื้น

ส่วนประกอบที่สำคัญของกาแฟ
ส่วนประกอบที่สำคัญของกาแฟคือ caffeine หรือมีชื่อทางเคมีว่า 1,3,7 trimethylxanthine ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของยาขยายหลอดลม theophylline caffeine สามารถพบได้ในหลายชนิดได้แก่ เมล็ดคา เมล็ดกาแฟ ใบชา โคลา caffeine ถูกผสมลงในน้ำอัดลม ยาแก้หวัดบางชนิด ยาแก้ปวด ยาลดน้ำหนัก กาแฟจะถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วหลังจากที่เราดื่มกาแฟและจะถูกขับออกไปครึ่งหนึ่งในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมงกาแฟจะไม่สะสมในร่างกาย โดยจะถูกทำลายและขับออกหมด ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีการขับถ่ายกาแฟมากกว่าผู้ที่ไม่สูบ ดังนั้นคนที่สูบบุหรี่หากต้องการ การกระตุ้นของกาแฟ จะต้องดื่มกาแฟบ่อยกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ คนท้องและผู้ที่กินยาคุมกำเนิดจะมีการขับกาแฟน้อยกว่าคนทั่วไป กาแฟจะออกฤทธิ์โดยการกระตุ้นสมอง ทำให้รู้สึกสดชื่นและมีสมาธิ
มีผลวิจัยของทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารโภชนาการทางการแพทย์ ถือเป็นอีกข่าวดีล่าสุดจากประโยชน์ของการดื่มกาแฟ (แต่ต้องเป็นกาแฟที่ไม่ได้สกัดคาเฟอีนออก)ผลวิจัยนี้ได้ทำการศึกษาจากคนจำนวนกว่า 1.93 แสนคน พบว่าผู้ดื่มกาแฟเป็นประจำมีความเสี่ยงจากการเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 (ร่างกายต่อต้านอินซูลิน) ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับผู้ไม่ดื่ม โดยยิ่งดื่มมากความเสี่ยงยิ่งต่ำ

นอกจากนี้แม้กาแฟจะได้รับการกล่าวขานว่าเป็นอันตรายต่อหัวใจ แต่การศึกษาล่าสุดนี้ไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคหัวใจ แต่กลับพบว่าบุคคลที่มีสุขภาพดีวัย 65 ปีขึ้นไป ซึ่งดื่มกาแฟ (ชนิดมีคาเฟอีน) วันละ 4 แก้วหรือมากกว่านั้นทุกวัน มีความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจต่ำกว่าผู้ไม่ดื่มถึง 53%

ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทำไมกาแฟจึงช่วยลดความเสี่ยงโรคดังกล่าว แต่ผู้วิจัยเชื่อว่าน่าจะเป็นเพราะในกาแฟมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ โดยพบว่ากาแฟมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระเช่นเดียวกับที่องุ่นมี และยังมีมากกว่าบลูเบอร์รี่เสียอีก

อีกทั้งเชื่อว่าแมกนีเซียมในกาแฟช่วยให้เซลล์ในร่างกายอ่อนไหวต่ออินซูลิน (จึงช่วยป้องกันเบาหวาน) นอกจากนี้กาแฟยังเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคพาร์คินสัน,นิ่วน้ำดีและมะเร็งตับ




ผู้วิจัยบอกว่า การดื่มกาแฟวันละ 2-3 แก้วไม่เป็นอันตราย แต่กลับเป็นประโยชน์ อย่างไรก็ตามผู้วิจัยไม่แนะนำให้ดื่มกาแฟเพื่อป้องกันโรค และหากดื่มมากเกินไปจะก่อภาวะไม่สบายได้ เช่นนอนไม่หลับ ใจสั่น


ผลการวิจัยครั้งใหม่ที่ถูกตีพิมพ์ใน วารสาร Alzheimer’s Disease กล่าวว่า “การดื่มกาแฟ ขนาดแก้วกลาง จำนวน 5 แก้วต่อวันนั้น สามารถลดโอกาส การเป็นโรคความจำเสื่อมได้”
ผลจากากรศึกษากับหนูทดลองที่ถูกนำมาทดลอง ถึงการพัฒนาการของโรคอัลไซเมอร์ หลังจากการให้น้ำที่มี คาเฟอีน ปริมาณ 500 มิลลิกรัม ผสมอยู่ด้วยนั้นเป็นเวลา 2 เดือน มีค่าเท่ากับ การดื่มกาแฟ ขนาด 8 ออนซ์ จำนวน 5ถ้วยเลยทีเดียว อีกทั้ง เจ้าหนูทดลองนั้นก็แสดงออกได้อย่างเห็นได้ชัด ถึงระบบทางความคิดได้ดีกว่าหนูที่ถูกให้กินแต่น้ำเปล่า ทั้งๆที่ ความจำของหนูที่มีสาร คาเฟอีน อยู่ในร่างกายนั้นก็มีเท่ากับความจำของ หนูทั่วๆไปที่ไม่ได้ถูกใส่คาเฟอีน หรือมีสภาวะทางจิตเลย แม้แต่น้อย
อีกทั้ง ยังพบว่า หนูที่รับสาร คาเฟอีน เข้าไปนนั้น มีโอกาส 50 % ที่ช่วยลดสารเปปไทน์ ที่ก่อให้เกิดโรคอัลไซเมอร์อีกด้วย และไม่เพียงแค่ช่วยต้านอาการอัลไซเมอร์ได้เท่านั้น แต่จากการศึกษาได้ระบุว่า คนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำนั้น สามารถลดโอกาส ที่จะเกิดโรคสมองเสื่อมได้ ถึง 80 % ทั้งนี้ ก็มีการพบว่ายาตัวใหม่ ที่ใช้แก้โรคอาการสมองเสื่อมนั้นก็มีส่วนผสมที่พัฒนามาจากคาเฟอีน บรรจุอยู่ด้วย
“ผมแนะนำว่า คาเฟอีน ที่ได้มานั้นควรที่จะมาจากสมุนไพรธรรมชาติ หรือแหล่งธรรมชาติจริงๆ จะดีกว่าได้มาจากการบรรจุแคปซูล หรือ พวกเป็นยาเม็ด” นายแพทย์ Al Sears กล่าว

วิธีการที่จะได้คุณประโยชน์ จากกาแฟสูงสุด
ดื่มกาแฟสด / กาแฟดำ – การดื่มกาแฟสดนี้จะช่วยให้คุณได้คุณค่าของกาแฟจริงๆ เพราะว่าไม่ได้มีสิ่งใดเจือปนเลย แต่หากต้องการที่จะเพิ่มรสชาติของกาแฟ ก็อาจจะเติม น้ำตาลนิดหน่อย แต่อย่าลืมว่า คุณค่าของมันก็จะลดลงไปด้วย
อย่าดื่มกาแฟก่อนเข้านอน – การดื่มกาแฟก่อนเข้านอนนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะร่างกาย และสมองของเรานั้นต้องการพักผ่อน